Nazha Never Die
วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2556
วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556
windowa Hit
http://tipsandsolutions.blogspot.com/2010/09/microsoft-os-all-version.html
<a href=http://www.requestradio.in.th/ target="_blank">
target="_blank"
<a href=http://www.requestradio.in.th/ target="_blank">
target="_blank"
วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ปอเทือง พืชบำรุงดิน
การปลูกปอเทือง
ปอเทืองเป็นพืชตระxxxลถั่ว ลักษณะเป็นไม้พุ่มความสูง 100 – 300 เซนติเมตร ลำต้นกลม ใบยาวเรียวแหลม ดอกสีเหลือง ฝักเป็นรูปทรงกระบอก เมล็ดคล้ายรูปไตสีน้าตาล ความยาวประมาณ 6 มิลลิเมตร มี 10 -20 เมล็ด / ฝัก
การเตรียมดินและการปลูก มี 2 วิธี
1. ปลูกโดยไม่ต้องเตรียมดิน
1.1 ก่อนการเก็บเกี่ยวข้าว ใช้เมล็ดพันธุ์ปอเทืองหว่าน 1 – 2 วัน จึงใช้รถเก็บเกี่ยวข้าว วิธีนี้จะสูญเสียเมล็ดพันธุ์มากจากการกลบของฟางข้าว
1.2 หลังการเก็บเกี่ยวข้าว ใช้เมล็ดปอเทืองหว่าน ตามร่องรถเกี่ยวข้าว หรือกระจายฟางข้าวให้ทั่วแปลง หรือจะเก็บฟางข้าวไว้เลี้ยงสัตว์ วิธีนี้จะได้ใช้พื้นที่มากขึ้น
2. ปลูกโดยการเตรียมดิน
ใช้รถไถขณะดินมีความชื้นอยู่ แล้วหว่านเมล็ดปอเทือง จะคราดกลบหรือไม่ก็ได้ ถ้าคราดกลบจะงอกได้สม่ำเสมอและเจริญเติบโตดี
การดูแลรักษา
หลังการหว่านเมล็ดพันธุ์ปอเทืองแล้วประมาณ 3 – 5 วัน จะงอกโดยอาศัยความชื้นที่มีอยู่ในดิน ไม่ต้องให้น้ำ เมื่ออายุ 50 – 60 วัน
ดอกเริ่มบานจากข้างล่างก่อน หลังดอกร่วงโรยจะติดฝักจากข้างล่างก่อนเช่นเดียวกัน ฝักจะแก่เก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุ 120 – 130 วัน ศัตรูที่สำคัญได้แก่หนอนผีเสื้อจะเจาะฝักกินเมล็ดข้างใน
การเก็บเกี่ยวผลผลิต มี 2 วิธี
1. ใช้รถเกี่ยวข้าวเก็บเกี่ยว แต่ไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากไม่คุ้มกับการลงทุนทั้งเจ้าของรถเกี่ยวคือ ลำต้นจะมีความแข็งเกิดความเสียหายต่อเครื่องจักรสำหรับเกษตรกรผลผลิตค่อนข้างต่ำจึงไม่คุ้มต่อการลงทุน
2.ใช้เคียวเกี่ยวผึ่งแดดไว้ 3 – 4 แดด นำมาใส่กระสอบแล้วทุบให้ฝักแตก หรือนำมากองบนผ้าใบ บนตาข่าย บนลานแล้วใช้รถย่ำในบริเวณแปลงนาได้เลย ผลผลิตเฉลี่ย 80 - 120 กิโลกรัมต่อไร่ ราคาเฉลี่ย 20 – 25 บาทต่อกิโลกรัม จำหน่ายให้สถานีพัฒนาที่ดินจังหวัด
สรุป
การปลูกปอเทืองเพื่อใช้ปรับปรุงบำรุงดินควรปลูกในช่วงต้นฤดูฝน เพื่อไถกลบเป็นปุ๋ยพืชสดก่อนการปลูกพืชหลัก แต่การปลูกปอเทือง ช่วงเดือน ตุลาคม ถึงเดือน ธันวาคม เหมาะสำหรับเก็บเมล็ดพันธุ์เพราะจะได้เมล็ดที่มีคุณภาพ หลังจากเก็บเกี่ยวในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ ถึงเดือน
มีนาคม ไถกลบต้นตอ
จากการยืนยันของเกษตรกร นายสำรวย โมรานอก ในการปลูก ปีที่ 1 – 2 การเจริญเติบโตไม่ดีนัก หลังจาก 5 ปี ปอเทืองจะเจริญสมบูรณ์ และข้าวที่ปลูกไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมีเลย ดังนั้นนอกจากจะเป็นพืชบำรุงดินแล้วยังมีรายได้เสริม 2,000 – 3,000 บาท/ไร่
เมล็ดพันธ์ปอเทือง ผมได้รับการสนับสนุนจาก
สำนักงาสำนักงานพัฒนาที่ดินจังหวัดกำแพงเพชร มา 75 ก.ก. ครับ งบประมาณปี 2555-2556 ครับ ต้องขอบคุรมา ณ ที่นี้ ครับ
วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
ปุ๋ยหมักชีวภาพสําหรับมันสําปะหลัง
“เริ่มจากแช่ท่อนพันธุ์มันในน้ำสกัดมูลสุกรก่อน ปลูก 1 คืน เพื่อให้ท่อนพันธุ์ดูดธาตุอาหารเข้าไป เมื่อมัน
งอกและตั้งตัวได้แล้ว ก็ใช้น้ำสกัดจากมูลสุกรรดดินหรือผสมในระบบน้ำหยด รวมทั้งฉีดพ่นน้ำสกัดมูลสุกร
ทางใบทุก 15 วัน ต้นอ่อนมันสำปะหลังที่งอกออกมาโตเร็ว โดยผลการทดลองในพื้นที่ จ.นครปฐม
กาญจนบุรี และ ราชบุรี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ ได้ผลผลิตสูงมาก”
ข้อ ควรปฏิบัติในการปลูกมันสำปะหลังโดยใช้ระบบน้ำหมักมูลสุกรคือ การแช่ท่อนพันธุ์ในน้ำปุ๋ยหมัก
ร่วมกับการให้น้ำหลังปลูก จะทำให้มันออกรากมากกว่า 20 ราก ต่อมารากส่วนหนึ่งจะพัฒนาเป็นหัวซึ่งจะ
เพิ่มผลผลิตได้มาก โดยเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม เกษตรกรจะปลูกกันมาก และรากจะเริ่มสะสมอาหาร
เดือนสิงหาคม-กันยายน ช่วงนี้ควรฉีดปุ๋ยหมักทางใบช่วยทุก 15 วัน จะทำให้หัวมันมีเปอร์เซ็นต์แป้งดีมาก
ผลเฉลี่ยต่อไร่ประมาณ 16 ตัน
วิธีสกัดน้ำหมักมูลสุกร
1. มูลสัตว์ ๑๐ กิโลกรัม
2. น้ำ ๑๐๐ กิโลกรัม หรือ ลิตร
3. น้ำตาลทรายหรือกลูโคส ๑ กิโลกรัม ไม่ควรใช้กากน้ำตาล เพราะเราจะเอาไปฉีดพ่นใบ
“เอามูลใส่ถุงผ้าถุงกระสอบหรือกระสอบปุ๋ย ตามแต่จะหาได้ หมักแช่ไว้ ๑๐ วัน หรือมากกว่าเวลาใช้นำน้ำ
ที่ได้จากการแช่หมัก ๑ ลิตร ผสมน้ำได้ตั้งแต่ ๑๐๐ -๑๐๐๐ ลิตร หรือมากกว่า ขึ้นกับ ชนิดของใบพืชที่เรา
จะใช้ ดังนั้น ก่อนใช้ควรทดลองทีละน้อย ว่า ระดับไหนเหมาะสมกับพืชของเรา และมูลสัตว์ที่แตกต่าง
ชนิดกัน หรือแตกต่างแหล่งกัน ก้มีสารอาหารหรือธาตุอาหารที่มีปริมาณมากน้อยแตกต่างกันด้วย หรือ ทำ
น้ำสกัดมูลสุกร โดยใช้มูลสุกรแห้งแชน้ำอัตราส่วน 1 : 10 แช่ไว้ 24 ชั่วโมง นำน้ำสกัด
ส่วนใสเจือจางด้วยน้ำ 1 ต่อ 10-20 ใช้รดรอบๆ ต้นพืชและฉีดพ่นทางใบ หรือ น้ำล้างคอก/น้ำทิ้งจาก
ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ใช้เครื่องดูดขึ้น ไปเจือจางกับน้ำตามความเหมาะสม แล้วฉีดพ่นในแปลงปลูกพืช”
ปริมาณธาตุอาหารทั้งหมดในมูลสุกร (เปอร์เซ็นต์)
- ไนโตรเจน 2.69% : เพิ่มการเจริญของกิ่ง ก้าน ใบ ทำให้ใบพืชมีสีเขียวเข้มขึ้น และป้องกันการร่วงของใบ กิ่ง ผล
- ฟอสฟอรัส 3.24% : เร่งการเจริญของดอก ผล และราก เพิ่มการดูดน้ำ และช่วยการงอกของเมล็ด
- โพแทสเซียม 1.12% : ช่วยให้ลำต้นแข็งแรง ผลใหญ่ รวงโต และเกี่ยวข้องกับการสร้างแป้งและโปรตีน
- แคลเซียม 3.85% : ช่วยการงอกของเมล็ด สร้างเซลล์ใหม่ในส่วนของยอดและราก ยืดเวลาการเก็บและความคงความสดของผลที่เก็บเกี่ยวแล้วได้นานขึ้น
- แมกนีเซียม 1.18% : ช่วยในการสังเคราะห์คลอโรฟิลล์ ,แป้ง และช่วยการงอกของเมล็ด
- ซัลเฟอร์ 0.19% : เป็นองค์ประกอบของกรดอะมิโน โปรตีน ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างสารสีเขียวในพืช และทำให้พืชผักมีรสดีขึ้น
- โซเดียม 0.27%
- เหล็ก 0.44% : เกี่ยวข้องกับกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแส'สังเคราะห์คลอโรฟิลล์ปริมาณธาตุอาหารทั้งหมด (มก./กก.)
- ทองแดง 611.07 : เกี่ยวข้องกับกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง กิจกรรมของเอนไซม์ มีผลต่อการสร้างผลและเมล็ด
- แมงกานีส 1030.13 : ช่วยการยืดตัวของราก ทำให้รากแข็งแรงเป็นโรคได้ยาก และช่วยการสังเคราะห์ด้วยแสง
- สังกะสี 975.75 : มีบทบาทสำคัญในการปฏิสนธิและการพัฒนาของเมล็ด
วิธีสกัดน้ำหมักมูลสุกร
1. มูลสัตว์ ๑๐ กิโลกรัมมูลใช้แห้งหรือเปียกก็ได้ เพราะเราต้องเอาไปแช่ให้เปียกอีกทีนึง แต่ส่วนใหญ่ใช้มูลแห้งเพราะมูลเปียกมันเหม็นไปหน่อย และรอเก็บแต่มูลเปียกมันลำบาก
2. น้ำ ๑๐๐ กิโลกรัม หรือ ลิตร
3. น้ำตาลทรายหรือกลูโคส ๑ กิโลกรัม ไม่ควรใช้กากน้ำตาล ใช้ได้เหมือนกันหมด ขอให้เป็นน้ำตาล
น้ำหมักมูลสุกรที่แช่ท่อนพันธ์ก่อนปลูก
ต้องเจือจางก่อน เจือจางในอัตราส่วน 1:10
น้ำขี้หมูฉีดพ่นช่วยทางใบก็จะทำให้การเจริญเติบโตช่วง 2-3 เดือนแรกดีมาก
ผลผลิดประมาณ 8-10 ตัน ในระยะเวลา1 ปี
ก่อนปลูก
ใส่แกลบดิบ1-3ตันต่อไร่
ใส่ขี้ไก่แกลบอีก 1ตัน ต่อไร่
ขนไปใส่ตอนก่อนขุดมัน จะได้ประหยัดค่าไถ
ผลผลิต น่าจะเพิ่มได้เท่าตัว
ปีต่อไปใส่เฉพาะขี้ไก่แกลบอย่างเดียว
ถ้าดินเป็นกรดมาก หาโดโลไมล์ ใส่ซัก 300กิโล/ไร่
ดูแลไม่ให้มีหญ้าช่วงแรกดีๆ
หว่านปอเทืองแล้วไถกลบตอน45วัน รออีก15วันแล้วปลูกมัน จะเห็นความแตกต่างอย่างมากๆ
เพราะมันสำปะหลังจะแข็งแรงสร้างสารพิษในตัวเอง ทำให้แมลงรบกวนน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
อาจรองก้นหลุมด้วยฟูราดาน ป้องกันปลวกมด
มันสำปะหลังหาปุ๋ย 15-7-18 ครับถ้าไม่มีใช้ 15-15-15 หรือ 13-13-21 ก็ได้ใส่ตอนมันอายุ1เดือน
อัตราไร่ละประมาณ 50 กก. การใส่ปุ๋ยมัน ต้องใส่โดยการขุดระหว่าง ต้นบนร่องแล้ว กลบในดิน ใส่ระหว่างต้น
แล้วกลบด้วยนะครับ ไม่กลบจะสูญเสียปุ๋ยไปเปล่าๆ
ระยะวิกฤติ 4เดือนแรกทำรุ่นหญ้าให้ได้ทัน ไม่ทันหัวจะไม่โตครับ
อัตราไร้ละประมาณ 50 กก.
วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
วิธีการเพาะปลูกมันสำปะหลังที่เหมาะสม
ความคิดเห็นที่ 14 |
วิธีการเพาะปลูกมันสำปะหลังที่เหมาะสม 1. การเตรียมดิน หากดินที่ทำการเพาะปลูกมันติดต่อกันหลายปี ควรปรับปรุงดิน เพื่อรักษาระดับผลผลิตในระยะยาว ด้วยการใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักเปลือกมันชนิดเก่าค้างปี (จากโรงแป้งทั่วไป) ที่หาได้ในท้องถิ่น หรือ ปลูกพืชตระกูลถั่วต่าง ๆ หมุนเวียนบำรุงดิน ในกรณีที่พื้นที่ประเภทหญ้าคา ควรใช้ยาราวด์อัพหรือเครือเถาต่าง ๆ ควรใช้ยาสตาร์เรน ฉีดพ่นยาจำกัดเสียก่อนการไถ จากนั้นไถครั้งแรกโดยไถกลบวัชพืชก่อนปลูกด้วยผาน 3 (อย่าเผาทำลายวัชพืช) ให้ลึกประมาณ 20-30 ซม. แล้วทิ้งระยะไว้ประมาณ 20-30 วัน เพื่อหมักวัชพืชเป็นปุ๋ยในดินต่อไป ไถพรวนด้วยผาน 7 อีก 1-2 ครั้ง ตามความเหมาะสม และรีบปลูกโดยเร็ว ในขณะที่ดินยังมีความชื้นอยู่ 2. การเตรียมท่อนพันธุ์ ใช้ท่อนพันธุ์มันที่สด อายุ 10-12 เดือน ตัดทิ้งไว้ไม่เกินประมาณ 15 วัน โดยติดให้มีความยาวประมาณ 20 ซม. มีตาไม่น้อยกว่า 5 ตา เพื่อป้องกันเชื้อราและแมลง ควรจุ่มท่อนพันธุ์ในยาแคปแทน 1.6 ขีด (160 กรัม) ผสมร่วมกับมาลาไธออน 20 ซีซี ในน้ำ 20 ลิตร ประมาณ 5 นาที ก่อนปลูก 3. การปลูก ปลูกเป็นแถวแนวตรง เพื่อสะดวกในการบำรุงรักษาและกำจัดวัชพืช โดยใช้ระยะระหว่างแถว 1.20 เมตร ระยะระหว่างต้น 80 ซม. และปักท่อนพันธุ์ให้ตั้งตรงลึกในดินประมาณ 10 ซม. 4. การฉีดยาคุมเมล็ดวัชพืช สำหรับการปลูกในฤดูฝนสภาพดินชื้น ควรฉีดยาคุมวัชพืชด้วยยาไดยูรอน (คาแม็กซ์) หลังจากการปลูกทันที ไม่ควรเกิน 3 วัน หรือก่อนต้นมันงอก หากฉีดหลังต้นมันงอก อาจทำให้ต้นมันเสียหายได้ ใช้ยาในอัตรา 6 ขีด (600 กรัม) ผสมน้ำ 200 ลิตร ฉีดพ่นได้ประมาณ 1 ไร่ครึ่ง 5. การกำจัดวัชพืชและการใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืช ครั้งที่ 1 ประมาณ 30-45 วัน หลังการปลูก โดยใช้รถไถเล็กเดินตาม หรือ จานพรวนกำจัดวัชพืช ติดท้ายรถแทรกเตอร์ พร้อมทั้งใส่ปุ๋ย 15-15-15 อัตรา 25-50 กก./ไร่ ห่างจากต้นมัน 1 คืบ (20 ซม.) จากนั้นใช้จอบกำจัดวัชพืชส่วนที่เหลือ พร้อมกับกลบปุ๋ยไปด้วย หรือใส่ปุ๋ยโดยการขุดหลุม ห่างจากโคนต้น 1 คืบ แล้วกลบดินตามก็ได้ ข้อสำคัญควรใส่ปุ๋ยขณะที่ดินมีความชื้นอยู่ กำจัดวัชพืช ครั้งที่ 2 ประมาณ 60-70 วัน หลังการปลูก โดยปฏิบัติเช่นเดียวกันกับครั้งแรก กำจัดวัชพืช ครั้งที่ 3 ตามความจำเป็น โดยใช้จอบถาก หรือฉีดพ่นด้วยยากรัมม๊อกโซน (ควรใช้ฝากครอบหัวฉีด เพื่อป้องกันไม่ให้ยาโดนตาและลำต้นมัน) 6. การเก็บเกี่ยว ทำการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลังในช่วงอายุที่เหมาะสม คือ ประมาณ 10-12 เดือน พร้อมทั้ง วางแผนการเตรียมท่อนพันธุ์มันสำปะหลัง เพื่อการปลูกในคราวต่อไปส่วนของต้นมันสำปะหลังที่ไม่ใช้ เช่น ใบ กิ่ง ก้าน หรือ ลำต้น ควรสับทิ้งไว้ในแปลง เพื่อให้เป็นปุ๋ยพืชสดในดินต่อไป |
การดูแลรักษา
การใส่ปุ๋ย มันสำปะหลังเป็นพืชที่ให้ผลผลิตต่อไร่สูงเมื่อเทียบกับพืชไร่อื่นๆ ดังนั้นจึงต้องการธาตุอาหารจากดินเป็นจำนวนมาก
เมื่อมีการปลูกมันสำปะหลังติดต่อกันหลายปี ธาตุอาหารในดินย่อมลดลงตามลำดับ ส่งผลให้ผลผลิตของมันสำปะหลัง
ลดลงตามไปด้วย ดังนั้นการปลูกมันสำปะหลังจึงจำเป็นต้องใส่ปุ๋ยเพื่อเพิ่มผลผลิตและรักษาระดับความอุดมสมบูรณ์ของ
ดิน โดยใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือสูตร 16-8-16ในอัตรา 50-100 กิโลกรัมต่อไร่ แบ่งใส่ 2 ครั้ง๐ละเท่าๆกัน ในครั้งแรกให้
ใส่หลังจากปลูกมันสำปะหลังแล้ว 1 เดือน ครั้งที่ 2 ใส่เมื่อมันสำปะหลังมีอายุได้ 3 เดือน นอกจากการใส่ปุ๋ยเคมีแล้ว
เกษตรกรอาจใช้ปุ๋ยพืชสด โดยการปลูกพืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วเขียว ถั่วพุ่ม หรือปอเทือง แล้วไถกลบในระยะก่อนออกดอก
หรือปลูกพืชแซมที่ช่วยบำรุงดินปลูกระหว่างแถว เพื่อช่วยรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดินได้อีกวิธีหนึ่ง
การกำจัดวัชพืช เป็นสิ่งที่จำเป็นมากเนื่องจากการปล่อยให้วัชพืชขึ้นแข่งขันกับมันสำปะหลังโดยไม่กำจัดเลย จะทำให้
ผลผลิตลดลงถึง 25-50 เปอร์เซนต์ การกำจัดวัชพืชควรทำอย่างน้อย 2 ครั้ง คือ เมื่อมันสำปะหลังมีอายุได้ 30 และ 60
การใส่ปุ๋ย มันสำปะหลังเป็นพืชที่ให้ผลผลิตต่อไร่สูงเมื่อเทียบกับพืชไร่อื่นๆ ดังนั้นจึงต้องการธาตุอาหารจากดินเป็นจำนวนมาก
เมื่อมีการปลูกมันสำปะหลังติดต่อกันหลายปี ธาตุอาหารในดินย่อมลดลงตามลำดับ ส่งผลให้ผลผลิตของมันสำปะหลัง
ลดลงตามไปด้วย ดังนั้นการปลูกมันสำปะหลังจึงจำเป็นต้องใส่ปุ๋ยเพื่อเพิ่มผลผลิตและรักษาระดับความอุดมสมบูรณ์ของ
ดิน โดยใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือสูตร 16-8-16ในอัตรา 50-100 กิโลกรัมต่อไร่ แบ่งใส่ 2 ครั้ง๐ละเท่าๆกัน ในครั้งแรกให้
ใส่หลังจากปลูกมันสำปะหลังแล้ว 1 เดือน ครั้งที่ 2 ใส่เมื่อมันสำปะหลังมีอายุได้ 3 เดือน นอกจากการใส่ปุ๋ยเคมีแล้ว
เกษตรกรอาจใช้ปุ๋ยพืชสด โดยการปลูกพืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วเขียว ถั่วพุ่ม หรือปอเทือง แล้วไถกลบในระยะก่อนออกดอก
หรือปลูกพืชแซมที่ช่วยบำรุงดินปลูกระหว่างแถว เพื่อช่วยรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดินได้อีกวิธีหนึ่ง
การกำจัดวัชพืช เป็นสิ่งที่จำเป็นมากเนื่องจากการปล่อยให้วัชพืชขึ้นแข่งขันกับมันสำปะหลังโดยไม่กำจัดเลย จะทำให้
ผลผลิตลดลงถึง 25-50 เปอร์เซนต์ การกำจัดวัชพืชควรทำอย่างน้อย 2 ครั้ง คือ เมื่อมันสำปะหลังมีอายุได้ 30 และ 60
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)